The Kingdom of Thailand

The Kingdom of ThailandThe Kingdom of Thailand
Thailand, also called the Land of Smiles, is the most popular tourist destination in South-East Asia due to its wealth of natural beauty, culture and history, gorgeous islands and beaches and the mouth-watering food. In the North you will find breathtaking mountain ranges with waterfalls and fast flowing rivers for trekking and rafting, ethnic tribal groups with unique customs and clothing and people famous for their courtesy and hospitality. The North-East, or Isan, is one of the country’s most intriguing destination with many Stone Age and Bronze Age dwellings and artifacts, and several significant temples and national parks. The Central plains and the East Coast are dotted with national parks, seaside resorts and islands.
Showing posts with label ทะเล. Show all posts
Showing posts with label ทะเล. Show all posts

Tuesday, April 12, 2011

คลื่นใต้น้ำ (RIP Current) ภัยใกล้ตัวที่อยากให้อ่านค่ะ

เมื่อน้ำตื้นแค่เข่าก็ทำให้คุณตายได้ rip current / คลื่นใต้น้ำ... ภัยใกล้ตัวที่อยากให้อ่านค่ะ



บ่อยครั้งที่มีข่าวนักท่องเที่ยว นักศึกษา ที่เสียชีวิตจากการถูกคลื่นใต้น้ำดูดลงไปและจมน้ำตาย ทั้งๆอยู่ห่างจากหาดแค่ไม่กี่เมตรและน้ำก็ยังตื้นๆยืนถึงอยู่เลย ในประเทศเรามีหลายที่..ที่มีคลื่นใต้น้ำ ที่ที่มีคนตายบ่อยๆก็อย่างเช่น หาดแม่รำพึง ที่ต้องมีคนตายทุกๆปี
rip current แบบน้ำเรียบบนผิวน้ำ (fixed rip)

rip current แบบเห็นเป็นคลื่น ทรงแหลมๆ หรือ เกลียวๆดูดออกไปจากฝั่ง (Flash rip)



ขอเริ่มจากแนะนำตัวคุณคลื่นใต้น้ำก่อน หรือ เรียกอีกชื่อว่า ว่า rip current หรือ riptide มีสี่ประเภทหลักๆคือ fixed rip, permanent rip, temporary rip(flash rip) และ traveling rip

1. Fixed Rip
เกิดมาจากหลายสาเหตุตามธรรมชาติ เช่น การมีแอ่งทรายใต้น้ำจากการยุบตัวของพื้นดินส่วนนั้น หรือ เคยมีคลื่นบางลูกที่แรงมากจนซัดทรายให้เป็นแอ่ง และทำให้น้ำที่พัดเข้าฝั่งมาไหลกลับทะเลที่จุดที่พื้นทรายอยู่ต่ำที่สุด  กรณีนี้มักเกิดได้รวดเร็ว คืออาจจะหลายชั่วโมงหรือเป็นวันในการฟอร์มตัว และหายไปได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วันหรือหลายเดือน แต่ซักพักก็มักเกิดซ้ำที่เดิมอีก เพราะแค่การเปลี่ยนแปลงบนผิวทรายก็ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ rip current ขึ้นมา กรณีนี้ที่เกิดในบ้านเรา อย่างเช่นที่หาดรำพึง เห็นหาดนิ่งๆ สงบๆแบบนี้ ตายมาหลายรายแล้ว เพราะจุดเด่นของคลื่นแบบนี้ ผิวน้ำจะดูราบเรียบ ไม่มีฟองคลื่น (แต่ที่หาดรำพึง และหาดทางภาคใต้ ไม่ได้มีแค่แบบนี้นะคะ ลองเลื่อนลงไปข้างล่าง เดี๋ยวจะมีประเภทที่เกิดบ่อย อย่างที่เรียกว่า flash rip อีก)

อันนี้เป็นภาพคลื่นใต้น้ำ ที่หาดหนึ่งในออสเตรเลีย ทะเลตรงส่วนกลางที่ไม่มีคลื่น เห็นเป็นแถบน้ำย้อนออกไป ดูราบเรียบนั่นแหละที่เรียกว่า fixed rip



เครดิตภาพหาดรำพึงจากคุณ kz pantip

2. Permanent Rip
เกิดจากมีสิ่งกีดขวางบางอย่างใต้ทะเล หรือสิ่งปลูกสร้าง ที่คนสร้างขึ้น เช่น โขดหิน รีสอร์ตตามหาด ทำให้จำกัดการไหลกลับของน้ำให้อยู่ตำแหน่งหนึ่ง โดยจะเป็นตำแหน่งตายตัว ไม่เปลี่ยนแปลง คลื่นใต้น้ำประเภทนี้มักจะมีอยู่บริเวณหัวหรือท้ายหาด หรือหาดบริเวณที่ติดกับแหลมที่ยื่นไปในทะเล เพราะแหล่งเหล่านี้มักมีหินอยู่ที่พื้น และทำให้น้ำไหลกลับไม่สะดวก จนเกิดแนวสันทรายใต้น้ำ คนที่ระวังๆเค้าจึงเตือนลูกหลานว่า อย่าไปว่ายน้ำใกล้โขดหินโดยเด็ดขาด เพราะจะโดนคลื่นซัดจมน้ำตาย นั่นก็เพราะตามหาดที่มีแหล่งโขดหินมักมีคลื่นใต้น้ำประเภทนี้อยู่เสมอ
ดูภาพในวงกลมสีน้ำตาล



สิ่งปลูกสร้างจากมนุษย์ ที่ทำให้เกิดการไหลที่ผิดปกติของคลื่น และเกิดคลื่นใต้น้ำในที่สุด

3. Temporary Rip / Flash Rip

อันนี้น่ากลัวมากที่สุด เพราะเกิดแบบฉับพลันมากๆ แม้กระทั่งตอนที่ทะเลปกติ ไม่ได้มีพายุ และตอนมีพายุก็จะรุนแรงน่ากลัวเข้าไปอีก คลื่นแบบนี้เกิดจากการม้วนตัวของคลื่นบางลูกที่อาจจะเร็ว หรือแรง หรือมีทิศทางที่ผิดปกติ แล้วแตกออกมาเป็นคลื่นใต้น้ำ แบบว่าเห็นแว้บๆก็หายไปแล้ว เรียกได้ว่า ว่ายน้ำอยู่ดีๆก็โดนกวาดลงทะเลเลย คนตายด้วยคลื่นแบบนี้บ่อยมากเช่นกัน (เกิดบ่อยๆในบ้านเรา) เพราะว่าจะมาในตำแหน่งที่คาดเดาไม่ได้ และไม่ได้เกิดซ้ำตำแหน่งเดิมเหมือน fixed rip  และนอกจากจะเกิดเวลาปกติแล้ว มักจะเกิดเวลาทะเลปั่นป่วน พายุมา หรือบริเวณหาดที่มีคลื่นแรงๆ  แต่ที่บอกว่าน่ากลัวที่สุดเพราะว่าขนาดคลื่นใต้น้ำจะใหญ่มากและยาวลึกลงไปในทะเล หลายๆคนที่จมน้ำทะเลตอนมีพายุ บางทีไม่ใช่แค่คลื่นลมแรง หรือว่ายไม่ไหว แต่เพราะคลื่นใต้น้ำจะใหญ่และจะมาพร้อมกับพายุใหญ่ๆด้วยเกือบทุกครั้ง  ดังนั้นการเล่นน้ำทะเลช่วงมีพายุจึงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุด เพราะคลื่นใต้น้ำแบบฉับพลัน และขนาดมหึมาอาจเกิดได้ทันทีแม้ในตำแหน่งที่เรามั่นใจว่าปลอดภัย
หน้าตาของ Flash rip จะไม่เหมือนกับ fixed rip อันแรก เพราะตำแหน่งที่มี fixed rip จะมีหน้าผิวน้ำราบเรียบ ในขณะที่แฟลชริพนี้ จะเป็นเกลียวน้ำม้วนออกจากตัวฝั่งเลย เห็นเป็นเกลียวคลื่นน้ำออกจากแนวสันคลื่นปกติ

ภาพด้านล่างนี้เป็นคลื่นใต้น้ำแบบแฟลชริพที่ใหญ่ม๊ากกก (อันที่เกิดในบ้านเราส่วนมากไม่ใหญ่ขนาดนี้นะคะอันนี้น่ากัวเกิ๊นนน)

ที่เกิดบ้านเราจะอันประมาณนี้ค่ะ เกิดบ่อยเหมือนกัน

4. Traveling Rip

อันนี้เกิดจากคลื่นพัดน้ำมาซัดฝั่งซ้ำๆ เป็นรอยเดิมๆ ก็จะเกิดแนวทรายตามรอยคลื่น จนเกิดแอ่งทรายที่ให้น้ำไหลกลับลงทะเล หน้ากว้างของคลื่นจะยาว ถึงจะดูไม่รุนแรงมาก แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะนานๆเข้าทรายบางส่วนเริ่มลึก วันดีคืนดีก็พัฒนาขึ้นมา เป็น fixed rip ได้

ตามรูปคือแนวคลื่นที่พัดมาที่เดิมแบบซ้ำๆเป็นหยักๆแบบเดิม ซักพักก็จะกลายเป็นร่องทรายใต้น้ำ จนเป็นคลื่นใต้น้ำใหญ่ๆ



หลังจากที่ได้อธิบายเกี่ยวกับคลื่นใต้น้ำอย่างละเอียดแล้ว ก็ขอแก้ข้อเข้าใจผิดบางประการ เพื่อทุกคนจะได้ระวังตัวได้ถูกต้องยิ่งขึ้นนะคะ


ข้อเข้าใจผิดประการแรก
-คนทั่วไปมักเข้าใจว่าคลื่นใต้น้ำมักจะเกิดเวลาคลื่นลมแรง
หลายคนจึงชอบบอกว่ามักเกิดกับพวกที่ชอบลงไปเล่นน้ำในทะเลทั้งที่มีคลื่นลมแรงๆ แต่ในความจริงนั้นไม่จำเป็นเสมอไป และเป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างยิ่ง

ความจริงแล้ว คลื่นใต้น้ำนั้นสามารถเกิดเวลาใดก็ได้ แม้เวลาทะเลสงบเงียบก็ตาม โดยเฉพาะบริเวณใดที่มีคลื่นใต้น้ำแบบผิวเรียบ บริเวณทะเลตรงส่วนนั้นจะดูคลื่นน้อยและเงียบสงบว่าบริเวณรอบๆ อย่างในคลิปเองนั้นก็ได้อธิบายว่า ตรงส่วนที่มีคลื่นใต้น้ำจะดูเหมือนเป็นทะเลส่วนที่ดูน่าเล่นน้ำมากที่สุดเพราะดูเหมือนคลื่นไม่แรง หลายชีวิตที่ต้องตายไปเพราะพลาดการสังเกตในจุดนี้


ข้อเข้าใจผิดประการที่สอง
-หลายคนยังเข้าใจว่า หากบริเวณใดปักป้ายว่ามีคลื่นใต้น้ำ..ก็ห้ามเล่น ในขณะที่ตรงอื่นที่ไม่มีป้ายนั้นจะปลอดภัยหมด

อันนี้ก็เป็นความเข้าใจที่ผิดเช่นกัน จากที่ได้อธิบายไปข้างต้นว่า มีคลื่นใต้น้ำบางแบบที่จะเกิดจากการยุบตัวของพื้นทรายอย่างฉับพลัน บางครั้งอาจจะเกิดเพียงแค่ไม่กี่วัน หรือไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น และคลื่นใต้น้ำบริเวณนั้นก็จะหายไป

หรือที่น่ากลัวกว่าอย่าง Flash rip ที่บางทีแล้วมาแว้บๆไม่กี่นาทีก็หายไป แค่นี้ก็ดูดคนลงทะเลลงไปได้แล้ว และเกิดในตำแหน่งที่คาดเดาไม่ได้ เพราะเกิดจากตัวคลื่นเป็นหลัก
บางครั้งที่มีนักท่องเที่ยวเล่นน้ำทะเลตรงที่ไม่น่าจะอันตราย แต่จู่ๆก็จมน้ำไปเฉยๆ พอหาศพเจอ ก็ไม่รู้ว่าจมไปเพราะอะไร เพราะคลื่นใต้น้ำบริเวณนั้นได้สลายไปแล้ว
บางคนถึงเคยเจอประเภทที่เดินเล่นอยู่ในบริเวณที่ปกติจะมีน้ำในระดับเข่าอยู่ดีๆ แต่วันดีคืนดีน้ำแค่เข่าก็ยุบฮวบกลายเป็นน้ำเกือบมิดหัว แล้วก็รู้สึกเหมือนถูกดูดออกจากฝั่ง


ข้อเข้าใจผิดประการที่สาม
-คลื่นจะดูดลงใต้น้ำ

จากคลิปด้านล่างนี้ได้อธิบายแล้วว่าคลื่นใต้น้ำไม่ได้ดูดคนลงใต้น้ำ แต่คนส่วนมากที่จมน้ำและรู้สึกเหมือนถูกดูดลงใต้น้ำเพราะตกใจ แล้วไม่ยอมพยุงตัวให้ลอยขึ้นมา แต่กลับพยายามว่ายทวนกระแสน้ำเพื่อกลับเข้าฝั่ง ยิ่งว่ายจะยิ่งหมดแรง พอเริ่มล้าจะยิ่งกลัว และจะยิ่งจม เลยรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังโดนดูดลงไปใต้น้ำ

ซึ่งเค้าได้บอกแล้วว่า อย่าพยายามให้เหนื่อยเลยเพราะว่าบ่อยครั้งคลื่นพวกนี้เร็วและแรงมาก นักกีฬาโอลิมปิกยังอาจจะว่ายทวนกระแสไม่ไหวเลย ดังนั้นถ้ารู้สึกว่าถูกซัดออกจากฝั่ง ให้พยายามลอยตัว ตั้งสติ แล้วปล่อยให้มันพัดออกไปก่อน แล้วค่อยว่ายไปด้านข้างๆ เป็นแนวที่ขนานกับหาด เพื่อให้พ้นแนวคลื่นใต้น้ำ โดยเล็งไปยังตำแหน่งที่มีฟองคลื่นขาวๆ จากนั้นค่อยว่ายน้ำเข้าฝั่ง แล้วคลื่นจะช่วยพัดเข้าฝั่งเอง



ดูในคลิปและเลื่อนไปที่เวลา 1.11 เป็นต้นไป อธิบายได้ดีมากเลยค่ะ
ที่เค้าได้ทำการแสดงตำแหน่งของคลื่นใต้น้ำด้วยสี โดยเทสีม่วง (สารที่ไม่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติ) ลงไปในทะเล



เพื่อแสดงให้เห็นว่าจะมีทะเลอยู่ส่วนหนึ่งที่จะดูดสีม่วงออกไปจากฝั่ง และนั่นเองคือบริเวณที่ข้างใต้กำลังมีคลื่นใต้น้ำแบบที่เรียกว่า fixed rip
และสิ่งที่สังเกตได้จากบนผิวน้ำก็คือ ตรงทะเลส่วนนั้นจะไม่มีฟองคลื่นขาวๆเหมือนส่วนข้างๆ จะเป็นทะเลส่วนที่น้ำนิ่งคลื่นเบากว่าส่วนอื่น ซึ่งหากเราไม่มีความรู้เรื่องคลื่นใต้น้ำแล้ว เราอาจจะโผเข้าหาทะเลส่วนนี้เพราะตรงที่มี fixed rip จะดูคลื่นเบากว่าส่วนอื่น ซึ่งจะเป็นภัยเงียบที่เราไม่รู้ตัวเลย



และเมื่อเราเจอคลื่นใต้น้ำเราควรทำอย่างไร ?




1. ถ้าน้ำพัดออกฝั่ง อย่าตกใจ อย่าตื่นตระหนก และอย่าพยายามว่ายสวนกระแสน้ำ เพราะที่ตายๆกันส่วนใหญ่ เนื่องจากตกใจจนพยายามตะกายว่ายทวนกระแสน้ำเพื่อกลับฝั่ง

2. ให้ลอยตัวปล่อยให้น้ำพัดเราออกไป อย่าว่ายทวนกระแสน้ำมาเข้าฝั่ง (ถ้าอยู่เมืองนอกพอลอยตัวได้ ก็ปล่อยให้น้ำพัดออกไปและชูมือสูงๆไว้ เดี๋ยวจะได้มี lifeguard ไปช่วย แต่ถ้าอยู่ในบริเวณที่ไม่มี lifeguard ก็คงต้องทำตามข้อถัดไป)

3. พอพ้นส่วนคลื่นใต้น้ำแล้ว จะเริ่มรู้สึกว่าไม่มีแรงดูดออกไปในทะเลแล้ว ให้ว่ายเป็นแนวขนานกับฝั่ง

4. ถ้าไม่รู้ว่าจะว่ายไปซ้ายหรือขวาดี ก็ให้ว่ายออกด้านข้างไปหาฟองคลื่นขาวๆ เพราะตำแหน่งที่มีฟองคลื่นขาวๆ คือตำแหน่งที่น้ำเริ่มตื้น และเป็นบริเวณที่น้ำกำลังถูกพัดเข้าฝั่ง

5. พอรู้สึกได้ว่าพ้นแนวคลื่นใต้น้ำแล้ว ก็ให้ว่ายกลับเข้าฝั่งแล้วคลื่นจะช่วยดันเราเข้าฝั่งเอง

ข้อควรระวัง คือ หากพาเด็กไปเล่นน้ำทะเล หรือ ใครที่ว่ายน้ำไม่เป็นหรือไม่แข็ง เพื่อความปลอดภัยให้ใส่ชูชีพไว้ก่อนจะดีกว่า (ดีกว่าห่วงยางนะคะ เพราะเคสที่ห่วงยางหลุดตอนเจอคลื่นใต้น้ำก็มีมาแล้ว) ควรใส่ชูชีพไว้ เพราะการครองสติลอยตัวในน้ำตอนภาวะตกใจเป็นอะไรที่ยากมากๆ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าค่ะ

และข้อควรระวังอีกอย่างคือ หาดบางที่แม้จะตื้นมากๆๆ แบบน้ำแค่เข่า ก็มีคลื่นใต้น้ำที่ดึงเราลงทะเลไปได้เช่นกัน เพราะการวางตัวของคลื่นบางลูกจะเป็นแนวขวางแบบในรูป อันซ้ายค่ะ



ตัวอย่างคลื่นที่วางตัวขวาง มาถึงตรงน้ำตื้นๆไม่ถึงเข่าด้วยซ้ำ



คลื่นใต้น้ำนั้นมีอยู่ทุกประเทศที่มีทะเลค่ะ
ประเทศเราก็มีเกือบทุกแห่ง บางที่เบามากจนเราไม่รู้สึกเราก็เลยเข้าใจว่าตรงนั้นไม่มีคลื่นใต้น้ำ แต่จริงๆจะรู้สึกได้เวลาลงเล่นทะเล ที่บางทีคลื่นบางลูกดูเหมือนจะดูดเราออกไปนิดนึง บางทีแค่ทำเอาเราล้มเสียหลักเฉยๆทั้งที่จริงๆไม่น่าจะล้ม อันนี้ก็ไม่อันตรายเกิดทั่วๆไป แต่หากเจอแบบเต็มรูปแบบก็จะต้องโดนดูดออกจากฝั่งไปหลายเมตร งัยก็ต้องตั้งสติและทำตามวิธีข้างต้น

คลื่นใต้น้ำเป็นเรื่องที่ทุกวันนี้ควรต้องระวังให้มากขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกที่ปัจจุบันเกิดขึ้นบ่อย และการสร้างสิ่งปลูกสร้างริมน้ำริมหาดที่มากขึ้น ตลอดจนการทำเหมืองดูดแร่ใต้ดิน สิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดการยุบตัวของแผ่นดินได้อย่างฉับพลัน และเกิดคลื่นที่ผิดปกติได้บ่อยๆ และก่อให้เกิดคลื่นใต้น้ำในบริเวณที่ไม่เคยเกิดขึ้นได้

แต่..ไม่ต้องกลัวหรือระแวงจนไม่กล้าเล่นน้ำกันนะคะ เพราะทะเลประเทศเราปลอดภัยกว่าประเทศที่เป็นเกาะ หรือหลายๆประเทศที่ติดทะเลค่ะ แต่เพียงแค่เราก็ต้องไม่ประมาท เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ

เอาเป็นว่าขอให้ทุกท่านเที่ยวทะเลกันสนุกๆ แต่ก็ขอให้รอบคอบและไม่ประมาทนะคะ และหากเกิดอันตรายขึ้นก็มีสติเข้าไว้ จะได้หาทางแก้ได้ ขอให้ปลอดภัยกันถ้วนหน้าค่ะ ^^

ขอขอบคุณบทความดีๆนี้จากคุณ PO - SBN Town ค่ะ 

Thursday, February 17, 2011

ชมธรรมชาติ#2 : Take Rest to see Nice Views


Multnomah Falls Oregon 



Morning Winter light on the Teton Range Wyoming 



Natural Bridges State Beach Santa Cruz California 



Natural Wonder Niagara Falls 



Oak Horizons 



Oneonta Gorge Falls Columbia River Gorge Scenic Area Oregon 



Parade of Elephants Arches National Park Utah




Pimene Summit Ossoue Valley French Pyrenees 



Plitvice Lakes National Park Croatia 1 



Plitvice Lakes National Park Croatia 2 



Point Lobos at Sunset California 



Roaring Fork Great Smoky Mountains 



San Isabel National Forest Colorado 




Seastacks From Rialto Beach Olympic National Park Washington 



Shadows in the Sand Namib Desert Namibia Africa 



Silhouetted Pines at Sunrise Everglades National Park Florida



Tropical Reflections Hawaii 



South Pacific Sunset 



Square Top Mountain and the Green River Wyoming 



Storm Clouds Over the Teton Range Wyoming 



Sunny Sky 



Sunrise Light on the Rocky Shores of Lake Michigan Wisconsin 



Sunset at the Great Fountain Geyser Yellowstone National Park Wyoming 



Tahitian Escape 



Tioga Falls Fort Knox Military Reservation Kentucky 
 


ขอขอบคุณเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ ผู้ที่ส่งต่อเมล์นี้มาให้ และผู้อ่านทุกท่านค่ะ   

Tuesday, February 15, 2011

โรแมนติก "ทะเลตรัง" เที่ยวกี่ครั้งก็สุขใจ


http://pics.manager.co.th/Images/554000001420301.JPEG
ทิวทัศน์ยามเย็นที่หาดปากเมง
       “Let's go to the sea Let's go see the sunshine We have join and fun Everybody come on a holiday เดินทางไปไม่หวั่น ในวันที่เสรี ท้องฟ้าและวารี เป็นสีคราม ขุนเขาทะเลงาม เดินตามผืนทราย ร้อนนักก็พักกาย ในทะเลอย่างสุขใจ
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420302.JPEG
เวิ้งน้ำสีเขียวนวลในถ้ำมรกต
       บทเพลง “Let's Go To the Sea” ของศิลปิน Kai-jo Brothers เพลงนี้มันช่างเหมาะเจาะเข้ากับอารมณ์ของการมาออกทริปเที่ยวที่ ทะเลตรัง ของ ตะลอนเที่ยว”  ในครั้งนี้เอามากๆ เพราะว่าช่วงนี้ท้องทะเลตรังแห่งอันดามัน อยู่ในช่วงไฮซีซั่น นั่นจึงทำให้ยามปกติทั่วไป ท้องทะเลอันดามันจะดูสวยงาม มีท้องฟ้าสีคราม น้ำทะเลสดใส หาดทรายขาวละมุนละไม เหมาะแก่การมาเที่ยวพักกาย พักใจ หาความสุขใส่ตัวเป็นที่สุด
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420303.JPEG
เกาะมุกบริเวณปากทางเข้าถ้ำมรกต
       และที่เราเลือกมาเปิดโลกท้องทะเลตรัง ก็เพราะว่าทะเลที่จังหวัดตรัง นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในสวรรค์ของคนรักทะเลเลยก็ว่าได้ แถมทะเลตรังยังได้ชื่อว่าเป็นทะเลโรแมนติก เพราะเป็นสถานที่จัดงานวิวาห์ใต้สมุทรอันโด่งดังไปไกลถึงเมืองนอกเมืองนา
       
       ทะเลตรังวันนี้ยังคงความเป็นธรรมชาติและความสงบงามไว้ได้ค่อนข้างดีหากเทียบกับทะเลในละแวกเดียวกัน ซึ่งแม้ว่าจะผ่านกาลเวลามานับหลายร้อยปี ท้องทะเลที่นี่ยังคงมีความงดงาม มีเสน่ห์อยู่ที่น้ำทะเลสวยใส มีหาดทรายขาวๆ และมีเกาะน้อยใหญ่เรียงรายอยู่ไม่ไกลจากฝั่งมากนัก ให้ได้เลือกเที่ยวกันตามอำเภอใจ เหมือนอย่างที่ทริปนี้เราก็เลือกที่จะเที่ยวยังเกาะที่ถือว่าเป็นที่เที่ยวไฮไลท์ที่ถ้ามาทะเลตรังแล้วต้องไม่พลาดไปเที่ยวกัน
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420314.JPEG
นักท่องเที่ยวเริงร่าในถ้ำมรกต
       ถ้ำมรกตอัญมณีแห่งทะเลตรัง
       
       สำหรับเกาะแรกที่ไปเยือนคือ เกาะมุกเกาะที่มาแล้วไม่ได้ขึ้นเหยียบเกาะ หากแต่เราไปมุดถ้ำชมความงามปานเนรมิตของถ้ำมรกตสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์อันโดดเด่น หนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ อัญมณีแห่งท้องทะเลตรัง ที่ถ้าหากมาเที่ยวทะเลตรังแล้วไม่มาเที่ยวถ้ำมรกตก็เหมือนยังมาไม่ถึงทะเลตรัง
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420304.JPEG
ชายหาดอันเงียบสงบของเกาะกระดาน
       เมื่อมาถึงบริเวณทางเข้าถ้ำมรกต เราจะเห็นเรือจอดอยู่เป็นจำนวนมาก ลอยลำอยู่ใกล้ปากทางเข้าถ้ำซึ่งมีลักษณะเป็นโพรงเล็กๆ ซึ่งการเข้าถ้ำมรกตนั้นสนุกสนานมาก เพราะว่าเราจะต้องใส่เสื้อชูชีพลงไปลอยคออยู่ในทะเล แล้วเกาะเชือกต่อแถวกันค่อยๆว่ายเข้าไปในโพรงถ้ำเล็กๆที่มืดมิด แต่จะมีคนนำทางคอยส่องไฟฉายช่วยนำทางไป เราจะต้องค่อยๆ ร่วมแรงร่วมใจกันถีบขาเหมือนปั่นจักรยานในน้ำ เพื่อช่วยพากันฝ่าความมืดมิดไปได้ แล้วก็จะได้พบกับแสงสว่างที่อยู่ปากทางถ้ำ ที่เมื่อมองไปแล้วเห็นแสงส่องน้ำทะเลสีเขียวสดใสสวยงามเหมือนสีของแก้วมรกต จึงเป็นชื่อเรียกถ้ำแห่งนี้ว่า ถ้ำมรกต
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420306.JPEG
ปลาดาวมงกุฎมีให้เห็นที่เกาะกระดาน
       เมื่อปั่นจักรยาน(ใน)ทะเลลอดโพรงอันมืดมิดเข้ามาในโถงถ้ำมรกต บรรยากาศในนี้มันเหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่งเลย เพราะในนี้เราจะได้เห็นเวิ้งน้ำใสๆ มีหาดทรายเล็กๆ ให้ได้นั่งพักเหนื่อย ท่ามกลางผนังเป็นผาหินที่มีต้นไม้ขึ้นเขียวครึ้ม โดยมีเพดานธรรมชาติเป็นท้องฟ้าที่หากวันไหนท้องฟ้าเป็นใจ สาดส่องแสงแดดเข้ามาตกกระทบกับผืนแผ่นน้ำ มันจะช่วยขับเน้นให้วังน้ำในถ้ำแห่งนี้ทอแสงสีเขียวอมฟ้าดูงดงามปานประหนึ่งมรกตสมดังชื่อถ้ำ
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420307.JPEG
นักท่องเที่ยวตื่นเต้นกับการได้เห็นปลาดาวมงกุฎ
       หาดสวย น้ำใส ที่เกาะกระดาน
       
       หลังลอดออกมาจากโพรงมืดของถ้ำมรกต เราไปต่อยังเกาะกระดานที่อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม
       
       เกาะกระดานเป็นสถานที่ที่ใช้จัดงานวิวาห์ใต้สมุทรหรืองานแต่งงานใต้น้ำในช่วงวาเลนไทน์ของปีนี้และอีกหลายปีที่ผ่านมา เพราะด้วยความโรแมนติกและความเงียบสงบของเกาะ
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420308.JPEG
ที่พักบนเกาะกระดาน
       เมื่อมาถึงเกาะกระดานเราถึงกับต้องมนต์เสน่ห์ที่ว่า และสัมผัสได้ถึงความสวยงามของชายหาดที่มีความยาวกว่า 2 กม. มีหาดทรายสีขาวละเอียดนุ่มให้ได้เดินทอดน่องแบบเพลิดเพลิน
       
       บนเกาะกระดานมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะนั่งหรือจะนอนอาบแดด ให้ผิวออกสีแทนนิดๆ พอร้อนได้ที่ ก็ลงไปแหวกว่ายสัมผัสน้ำทะเลอันเขียวใสแจ๋วแบบชุ่มฉ่ำเย็นกาย เย็นใจก็ช่างสนุกสนานนัก เพราะน้ำทะเลที่เกาะกระดานใสแจ๋วจริงๆ ขนาดที่ว่าสามารถมองเห็นปะการังใต้น้ำได้อย่างสบายๆ แค่ใส่หน้ากากดำน้ำเอาหน้าจุ่มลงไปก็เห็นปะการังที่สวยงาม และยังมีปลาดาวมงกุฎให้ได้เห็นแบบน่าตื่นตาตื่นใจ รวมถึงมีเจ้าปูเสฉวนตัวน้อยเดินต้วมเตี้ยมอยู่บนหาดทรายขาวๆ ให้ได้เห็นถึงความสมบูรณ์ของทะเล
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420309.JPEG
มุมน่านอน บนเกาะกระดาน
       ที่บริเวณเกาะกระดานตะลอนเที่ยวยังได้ไปดำน้ำตื้นชมปะการังและฝูงปลามากมาย โดยนั่งเรือออกจากเกาะแล้วอ้อมไปทางทิศใต้ของเกาะกระดาน มีอ่าวเนียงที่มีชายหาดยาวประมาณ 800ม. ซึ่งด้านหน้าหาดนี้เป็นจุดดำน้ำตื้นที่น่าสนใจ เพราะว่าน้ำใสมากสามารถมองเห็นปะการังแข็งมากมาย และมีปลาหลากหลายสายพันธุ์ให้ได้เห็น แล้วถ้าหากใครอยากจะพายเรือคายัคเล่นที่อ่าวเนียง ก็สามารถพายเรือเที่ยวได้อย่างสนุกสนาน
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420316.JPEG
เดินทอดน่องชิลล์ ชิลล์บนเกาะกระดาน
       นอกจากนี้บนเกาะกระดานยังมีที่พักแอบอิงกับธรรมชาติให้เลือกพักอยู่หลายเจ้า ซึ่งหากใครสู้ราคาและจองห้องพักแข่งกับฝรั่งได้ การได้พักค้างบนเกาะแห่งนี้นับว่าได้อารมณ์แห่งท้องทะเลไม่น้อยเลย
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420315.JPEG
ปูเสฉวนบนเกาะกระดาน
       ให้ปะการังพักฟื้นที่เกาะเชือก
       
       แต่ก่อนคนที่เที่ยวทะเลตรัง มักจะมีทัวร์แบบ 1 Day Trip พาไปเที่ยว 4 เกาะ ในสโลแกนวันเดียว เที่ยว 4 เกาะ ซึ่งได้แก่ เกาะกระดาน เกาะมุก(ถ้ำมรกต) เกาะม้า ในเขตกระบี่ ที่เป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีปะการังน้ำตื้นอันสวยงาม และเกาะเชือกที่เคยเป็นจุดดำน้ำตื้นขึ้นชื่อของทะเลตรัง เป็นบริเวณที่มีคลื่นแรงจนต้องเกาะเชือกจริงๆเหมือนชื่อของเกาะ
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420305.JPEG
ดำน้ำดูโลกท้องทะเลที่อ่าวเนียง
       เกาะเชือกเป็นเกาะเล็กๆ 2 เกาะอยู่ติดกันระหว่าวเกาะมุกกับเกาะกระดาน ระหว่างเกาะมีกระแสน้ำไหลเชี่ยว การดำน้ำดูปะการังจึงต้องใช้เชือกช่วยพยุง ปะการังส่วนใหญ่เป็นปะการังอ่อนหลากหลายสีสัน และยังมีฝูงปลานานาชนิดให้ดูแบบเพลินเพลิด แต่ในวันนี้ทางกรมอุทยานฯจำเป็นต้องยกเลิกกิจกรรมการดำน้ำดูปะการังที่เกาะเชือกชั่วคราว อันเนื่องมาจากปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420312.JPEG
พายเรือคายัคชมอ่าวเนียง
       อาทิตย์อัสดงที่หาดปากเมง
       
       นอกจากเกาะต่างๆตามที่กล่าวมาแล้ว ทะเลตรังยังมีชายหาดน่าสนใจ อาทิ หาดเจ้าไหม ที่เป็นหนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดีของเมืองตรัง
   
       หาดราชมงคล และ หาดวิวาห์ใต้สมุทร สองหาดสงบในเขตมหาวิยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จังหวัดตรัง(แต่สามารถเข้าไปพักผ่อนได้) โดยเฉพาะหาดวิวาห์ใต้สมุทร ซึ่งยามปกติเป็นหาดที่ถูกมองข้าม แต่ด้วยความสงบงามแฝงความโรแมนติกอยู่ในตัว ทำให้พักหลังหาดแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานวิวาห์ใต้สมุทรเรื่อยมา
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420311.JPEG
ชาวบ้านมานั่งสีไวโอลินชมพระอาทิตย์ตกที่หาดปากเมง
       ส่วนหาดที่ถือเป็นเบอร์หนึ่งของเมืองตรัง เป็นหาดที่ขึ้นชื่อที่สุด คงจะหนีไม่พ้นหาดปากเมงที่มีท่าเรือปากเมง จุดรับส่งนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆ
       
       หาดปากเมง มีลักษณะเป็นชายหาดทอดตัวยาวเหยียดไปจนสุดหัวถนน ณ ท่าเรือปากเมง ทะเลบริเวณนี้จะมี เขาเมง ขุนเขาคล้ายรูปคนนอนหงายตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์แห่งทะเลตรัง
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420310.JPEG
หาดวิวาห์ใต้สมุทร
       ในยามเย็นหาดปากเมงจะคึกคักไปด้วยร้านรวงริมหาดนักท่องเที่ยวที่มาเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ตกทะเล ซึ่งในวันที่ตะลอนเที่ยวไปเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ตกที่หาดปากเมงนั้น ช่วงแรกท้องฟ้าปิดไม่เป็นใจ ไม่เผยให้เห็นพระอาทิตย์ดวงแดงกลมโต
       
       กระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านพระอาทิตย์ลับฟ้าไปสักพัก กลับปรากฏแสงสุดท้ายสีแดงอมม่วงฉาบทอท้องฟ้าและผืนน้ำ ถือเป็นความงามที่มาทีหลังทว่าดูน่ายลยิ่งนัก
   
       แต่นี่แหละคือเสน่ห์ของธรรมชาติที่สร้างสรรค์แต่งแต้มท้องทะเลตรังให้เรารู้สึกว่า ต่อให้มาเที่ยวกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็นำพาความสุขสันต์ในใจกลับไปทุกครั้งเลย
http://pics.manager.co.th/Images/554000001420313.JPEG
เด็กวิ่งเล่นคลื่นที่หาดปากเมง
http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * 
   
       ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวถ้ำมรกตคือช่วงเวลา 10.00-14.00น. เพราะจะได้เห็นทะเลเป็นสีมรกตงดงามจับใจ นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวในเนื้อเรื่องแล้ว ทะเลตรังยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เกาะลิบง เกาะเหลาเหลียง เกาะสุกร เกาะเภตรา หาดหยงหลิง หาดยาว หาดเจ้าสำราญ เป็นต้น
   
       สำหรับผู้ที่สนใจไปเที่ยวทะเลตรัง และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆในจังหวัดตรัง รวมถึงสนใจร่วมงานวิวาห์ใต้สมุทรประจำปีนี้ที่จะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 11-13 ก.พ. สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หอการค้าจังหวัดตรัง โทร.0-7522-5353 หรือที่ ททท.ตรัง โทร. 0-7521-5867, 0-7521-1085, 0-7521-1058

Credit Link : Manager-Travel   ขอบคุณเจ้าของบทความ "ตะลอนเที่ยว" เจ้าของภาพสวยๆ