โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
|
|
สวนนาคราภิรมย์เปิดมุมมองเห็นพระปรางค์วัดอรุณฯอย่างชัดเจน
|
|
|
หลังจากที่ต้องสะสมความเครียดมาทั้งวัน ตกเย็นหลังเลิกงานแต่ละคนคงมีวิธีการคลายความเหนื่อยล้าต่างๆกัน บางคนก็ระบายด้วยการกิน กิน กิน บ้างก็ขอแค่เม้าส์เมามันกับเพื่อนฝูง บางคนเลือกเข้าผับแดนซ์กระจาย บ้างต้องเข้าสปานวดผ่อนคลาย ส่วนฉันการได้นั่งอ้อยอิ่งรับลมชมวิวชิลล์ๆ ก็ถือเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่งที่ฉันชื่นชอบ ตามสวนสาธารณะต่างๆในกรุงเทพฯ ทั้งสวนขนาดเล็กขนาดใหญ่ล้วนแล้วแต่ช่วยให้ฉันผ่อนคลายอารมณ์ บางครั้งภาพผู้คนที่ทำกิจกรรมในสวนสาธารณะนั้นยังทำให้ฉันแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ได้อีกด้วย
สำหรับใครที่มีวิธีผ่อนคลายเช่นฉันหรือสนใจล่ะก็ตามฉันมาเลย โดยในครั้งนี้ฉันขอแนะนำสวนสาธารณะสวยๆแห่งใหม่ในเมืองกรุงคือ “สวนนาคราภิรมย์”
|
ชื่อของสวนแห่งนี้อาจจะไม่คุ้นหูหลายๆคน เนื่องจากเป็นสวนที่ยังไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการ และเพิ่งเปิดให้บริการประชาชนเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ร่วมมือกับกรุงเทพมหานครพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท้ายพระบรมมหาราชวัง ริมถนนมหาราชให้เป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ริมแม่น้ำ
ซึ่งแต่เดิมเป็นที่ตั้งของกรมการค้าภายในเดิมและองค์การคลังสินค้า โดยทางกรมศิลปากรพิจารณาแล้วเห็นว่าอาคารดังกล่าวไม่มีคุณค่าเชิงศิลปะ สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์ ไม่ถือว่าเป็นโบราณสถาน จึงได้ดำเนินการรื้อถอนอาคารและปรับภูมิทัศน์ให้เป็นพื้นที่โล่งสีเขียว เพื่อเปิดมุมมองสู่พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม จากฝั่งพระนคร และเปิดมุมมองสู่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จากฝั่งธนบุรี ตามมติของคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า และตามแผนแม่บทและพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
|
|
บรรยากาศสบายๆในสวนนาคราภิรมย์
|
|
|
โดยพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ร่วมระหว่างสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และกรมธนารักษ์ (ที่ราชพัสดุ) มีพื้นที่รวม 3 ไร่ 3 งาน 65.90 ตารางวา แบ่งเป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 2 ไร่ 0 งาน 25.90 ตารางวา และของกรมธนารักษ์ 1 ไร่ 3 งาน 44 ตารางวา ซึ่งได้พัฒนาพื้นที่ตรงนี้เป็นสวนสาธารณะในแนวราบพร้อมห้องน้ำสาธารณะ ไม่มีสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ ส่วนพื้นที่ริมน้ำจะจัดทำแนวกั้นน้ำให้เต็มพื้นที่
และขอพระราชทานนามสวนสาธารณะแห่งนี้สำหรับใช้เรียกขานอย่างเป็นทางการ โดยตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2552พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า “สวนนาคราภิรมย์” อันหมายความว่า สวนเป็นที่น่ารื่นรมย์ยิ่งของชาวพระนคร
|
ภายในสวนนาคราภิรมย์แห่งนี้ มีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์ที่สวยงามด้วยแมกไม้นานาพรรณ และลานกิจกรรมอเนกประสงค์ เพื่อให้ชาวกรุงเทพฯได้มาพักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัว ซึ่งนอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ เพิ่มสภาพแวดล้อมที่ดีให้แก่เมืองและสร้างทัศนียภาพอันงดงามทางสายตาแก่ผู้พบเห็นแล้ว
สวนนาคราภิรมย์ถูกออกแบบให้เป็นสวนเปิดโล่งเปิดมุมมองอันสวยงามริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สามารถมองเห็นความสง่างามของสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำ มองเห็นความงามของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระบรมมหาราชวังในฝั่งพระนคร และภาพความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม พระอุโบสถวัดระฆังโฆสิตาราม ตลอดจนอาคารราชนาวิกสภา ที่ดูสวยงามโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี
|
ตอนที่ฉันมาที่สวนแห่งนี้ครั้งแรกก็ประทับใจกับมุมมองอันกว้างไกลที่ทำให้เราเห็นความสวยงามอันเป็นดังเอกลักษณ์และมรดกของชาติได้อย่างชัดเจนเต็มตา และความสวยงามของสวน รวมถึงความร่มรื่นยามเย็นก็ทำให้สวนแห่งนี้เป็นที่รวมของผู้คนในละแวกและนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมา โดยเฉพาะในยามเย็นก็สามารถนั่งชมวิวสวยๆริมน้ำ ดูผู้คนผ่านไปมา พร้อมรับลมโชยชิลล์ๆ แค่นี้ฉันก็รู้สึกสบายผ่อนคลายจนแทบจะเคลิ้มหลับเลยทีเดียว
นอกจากฉันแล้วยังมีอีกหลายๆต่อหลายคนที่ชื่นชอบสวนสาธารณะแห่งใหม่แห่งนี้ เช่น น้องแพรี่ พนักงานสาว เล่าว่า ตอนแรกที่เห็นสวนนี้ก็ตอนที่นั่งเรือผ่าน เลยลองแวะเข้ามาดูแล้วเห็นว่าการจัดสวนดูสบายตาดี ปกติก็จะไปนั่งเล่นช่วงเย็นๆ พอแดดร่มหน่อยก็จะไปนั่งตรงที่นั่งติดกับแม่น้ำ ดูพระอาทิตย์ตกดินที่มองเห็นวัดอรุณฯด้วย บางทีก็จะไปนั่งอ่านหนังสือสบายๆ รับลมเย็น แต่ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีร่มเท่าไรนัก ควรต้องรอให้ต้นไม้โตกว่านี้ก่อน อีกอย่างหนึ่งก็อยากให้มีเก้าอี้นั่งมากกว่านี้หน่อย เพราะคนที่มานั่งพักผ่อนตอนเย็นก็มีเยอะ
|
|
ด้านหนึ่งของสวนเปิดมุมมองเห็นวัดโพธิ์
|
|
|
ด้านหนุ่มสาวคู่รักก็มีมาเช่นกัน โดย น้องตาล บอกว่า สวนแห่งนี้อาจจะดูเล็กๆ ไม่ใหญ่เหมือนสวนสาธารณะอื่นๆ แต่ก็เหมาะแก่การมานั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ มีทิวทัศน์สวยๆ รอบด้าน ด้านหลังก็จะเป็นพระบรมมหาราชวัง วัดโพธิ์ มองไปอีกด้านนึงก็เห็นพระปรางค์วัดอรุณ เห็นราชนาวีสโมสร และที่สำคัญคือมีแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ตรงกลาง ได้เห็นเรือแล่นไปมาทั้งเรือข้ามฟาก เรือด่วน เรือนักท่องเที่ยว และเรือขนส่งสินค้าต่างๆ ทำให้เห็นวิถีชีวิตของคนกรุงที่ยังผูกพันกับแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่
|
|
มองข้ามฝั่งไปเป็นหอประชุมกองทัพเรือ
|
|
|
พื้นที่ตั้งของสวนซึ่งก็คือท่าเตียนก็มีความเป็นมาที่ยาวนานและน่าสนใจ ถือเป็นเขตเมืองเก่า ยังคงมีตึกรามบ้านช่องแบบเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ นักท่องเที่ยวที่ได้มาแถวนี้ก็จะได้สัมผัสบรรยากาศของกรุงเทพฯ ในอดีตด้วย ซึ่งตนเองเวลามาก็มากับแฟน และคิดว่าบรรยากาศที่นี่ก็โรแมนติกมากๆ โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ กำลังแดดร่มลมตก มานั่งรับลมนั่งดูเรือแล่นไปแล่นมา ซื้อของกินเล่นๆมานั่งกินไปพูดคุยกันไป แต่จะมากับกลุ่มเพื่อนก็สนุกสนานดี จะพาพ่อแม่มาก็ได้ มานั่งชมวิวสวยๆ กัน เป็นการสร้างความสุขและความอบอุ่นอย่างหนึ่งในครอบครัว
|
สำหรับการปรับภูมิทัศน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งนี้ ทำให้กรุงเทพฯเมืองหลวงและเมืองประวัติศาสตร์ของชาวไทย ดูโดดเด่นสะดุดตานักท่องเที่ยวมากขึ้น ทั้งยังทำให้แหล่งท่องเที่ยวอันเป็นเอกลักษณ์ของเราชาวไทยได้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นด้วย ดังพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ในวันที่ 22 มีนาคม 2539 ว่า
|
|
นั่งรถเข็นก็สามารถมาชมวิวกันได้
|
|
|
“...แต่ที่เราคิดเป็นการสร้างเมืองเพื่อที่จะเป็นตัวอย่างและทำให้เมืองเดิมของเราคือกรุงเทพมหานครแห่งนี้ เป็นเมืองที่โปร่ง เป็นเมืองที่น่าดู เป็นเมืองประวัติศาสตร์และเป็นเมืองสวยงาม...”
|
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“สวนนาคราภิรมย์” มีอาณาเขต ทิศเหนือติดสโมสรข้าราชบริพาร ทิศใต้ติดถนนท้ายวัง ทิศตะวันออกติดถนนมหาราช ทิศตะวันตกติดแม่น้ำเจ้าพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ เปิดปิดเวลา 05.00-21.00 น. โดยจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการอีกครั้งประมาณต้นเดือนธันวาคม 2553
|
ขอขอบคุณเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และผู้อ่านทุกท่านค่ะ