The Kingdom of Thailand

The Kingdom of ThailandThe Kingdom of Thailand
Thailand, also called the Land of Smiles, is the most popular tourist destination in South-East Asia due to its wealth of natural beauty, culture and history, gorgeous islands and beaches and the mouth-watering food. In the North you will find breathtaking mountain ranges with waterfalls and fast flowing rivers for trekking and rafting, ethnic tribal groups with unique customs and clothing and people famous for their courtesy and hospitality. The North-East, or Isan, is one of the country’s most intriguing destination with many Stone Age and Bronze Age dwellings and artifacts, and several significant temples and national parks. The Central plains and the East Coast are dotted with national parks, seaside resorts and islands.

Thursday, December 30, 2010

ซากุระ(เมืองไทย).. ในสายหมอก

ดอยวาวี-ดอยช้างชมแปลงซากุระมากที่สุดในเมืองไทย
ดอยแม่สลองงดงามซารุกะริมทาง
ดอยอ่างขางชมซากุระไทย-ญี่ปุ่น
ขุนช่างเคี่ยนซากุระบานในหมู่บ้าน
ขุนแม่ยะพรมชมพูแห่งดอยสีชมพู

ซากุระ(เมืองไทย) .. ในสายหมอก

นักท่องเที่ยวกางเต็นท์แทรกตัวในดงซากุระบานที่ขุนแม่ยะ
       หากพูดถึง ดอกซากุระ หลายคนคงนึกไปถึงดินแดนปลาดิบ หรือประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีดอกซากุระเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้เดินทางมาชมความงามอ่อนหวานในช่วงที่ดอกซากุระบาน
   
       
แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่อยากจะดูดอกซากุระ แต่ไม่อยากเดินทางไปไกลถึงประเทศญี่ปุ่น ในช่วงฤดูหนาวอย่างนี้ก็เป็นช่วงที่สามารถชมความสวยงามของดอกซากุระในเมืองไทยกันได้เช่นกัน
   
       
สำหรับต้นซากุระเมืองไทยที่เราเรียกๆกันนั้น ก็คือต้น นางพญาเสือโคร่ง ซึ่งเป็นต้นไม้ที่จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับต้นซากุระของประเทศญี่ปุ่น คือ วงศ์กุหลาบ (Rosaceae) โดยนางพญาเสือโคร่งอยู่ในสกุล Prunus เช่นเดียวกับต้นเชอรี่ แอปริคอต พลัม แอปเปิลท้อ และสาลี่ ซึ่งเป็นพรรณไม้ที่ชอบอากาศหนาวเย็น
ซากุระบานแทรกตัวตามบ้านเรือนที่บ้านช่างเคี่ยน
       ต้นนางพญาเสือโคร่งนี้มักพบอยู่ตามไหล่เขาหรือบนสันเขา บริเวณเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไป ซึ่งจะมีอากาศหนาวเย็น ในช่วงก่อนที่ต้นนางพญาเสือโคร่งจะออกดอกนั้น ดูราวกับต้นไม้ใกล้ตาย เพราะมันจะทิ้งใบจนหมดต้น เหลือแต่กิ่งเปล่าๆ เท่านั้น แต่หลังจากที่ดูโกร๋นไปทั้งต้นแล้ว นางพญาเสือโคร่งก็จะผลิดอกออกโดยจะออกเป็นช่อกระจุกตามปลายกิ่ง ให้สีสันชมพูดูสดใส โดยเฉพาะยามที่บานเต็มต้นนั้นจะดูปานประหนึ่งพรมสีชมพูปกคลุมไปทั่วพื้นที่ แลดูสวยงามเป็นที่น่าหลงใหลของผู้ที่ได้พบเห็นเสมอมา
   
       
และช่วงเวลาที่เราจะได้ยลโฉมอันงดงามของซากุระเมืองไทยหรือเมื่อต้นนางพญาเสือโคร่ง ออกดอกนั้นก็อยู่ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งการจะผลิบานของดอกนางพญาเสือโคร่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละปีนั่นเอง แต่ในปีนี้ ดอกนางพญาเสือโคร่งในเมืองไทยก็ได้เบ่งบานจนร่วงโรยไปบ้างแล้วในบางพื้นที่ แต่ในบางแห่งก็กำลังอยู่ในช่วงรอการผลิบาน เผยความงามให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน แต่จะสามารถไปชมกันได้ที่ไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย
ช่วงซากุระบานมีเวลาจำกัด ผู้สนใจคงต้องรีบเดินทางไปเที่ยวชม
       ดอยวาวี-ดอยช้างชมแปลงซากุระมากที่สุดในเมืองไทย
   
       
เริ่มกันที่จังหวัดเชียงรายกันก่อน ที่ดอยวาวี-ดอยช้าง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย สำหรับดอยวาวีนั้นได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกซากุระที่มากที่สุดในเมืองไทย คือมากถึง 400,000 ต้น ส่วนดอยช้างที่เป็นส่วนหนึ่งของดอยวาวีนั้น เป็นแหล่งชมซากุระที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง เพราะที่นี่ไม่เพียงมีซากุระสีชมพูเท่านั้น แต่ยังมีซากุระสีขาวให้ได้ชมอีกด้วย
   
       
นอกจากจะได้ชมดอกซากุระเมืองไทยกันแล้ว ก็ยังสามารถท่องเที่ยวกันต่อได้ที่สถานีวิจัยเกษตรที่สูงของหมู่บ้านชาวเขา อยู่บนระดับความสูงประมาณ 1,500 เมตร มีอากาศเย็นสบาย ในสถานีฯนั้นมีแปลงวิจัยปลูกดอกไม้เมืองหนาวและกาแฟ อาราบิกา มีโรงคั่วบด มีกาแฟคั่วบดใหม่ให้ชิมกันสดๆ อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากอีกด้วย ในขณะที่ชุมชนวาวีก็ถือเป็นแหล่งผลิตชาขึ้นชื่อของเมืองไทย ที่ใครไปแล้ว ไม่ควรพลาดการจิบชารสเลิศที่นี่ด้วยประการทั้งปวง
ซากุระบานริมทางที่ดอยแม่สลอง(ภาพ : ททท.)
       ดอยแม่สลองงดงามซารุกะริมทาง
   
       
ดอยแม่สลอง ที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่สามารถชมความงามของซากุระเมืองไทยได้ที่บริเวณยอดดอย โดยดอกซากุระเมืองไทยที่ดอยแม่สลองจะเป็นซากุระพันธุ์ที่เล็กที่สุด มีสีชมพูอมขาว และจะบานสะพรั่งตลอดแนวทางขึ้นดอยแม่สลอง
   
       
และหากชมซากุระกันเสร็จแล้วก็อย่าลืมไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ บนดอยแม่สลอง โดยที่นี่ถือเป็นแหล่งปลูกชาจีนที่มีคุณภาพของภาคเหนืออีกด้วย มีทั้งชาอู่หลงก้านอ่อน ชาโสม และชาเขียว นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถชมไร่ชาและศึกษาวิธีการผลิตชา ขี่ม้าชมทิวทัศน์รอบหมู่บ้านอาข่า (หมู่บ้านเจียงจาใส) และอนุสรณ์ชาวไทยเชื้อสายจีนได้ด้วย
   
       
ดอยอ่างขางชมซากุระไทย-ญี่ปุ่น
   
       
หากใครที่ไม่สามารถไปชมดอกซากุระเมืองไทยที่จังหวัดเชียงรายได้ทัน ก็ลองมาชมที่จังหวัดเชียงใหม่กันได้ เพราะต้นนางพญาเสือโคร่งที่เชียงใหม่นี้จะบานช้ากว่าที่จังหวัดเชียงรายเล็กน้อย โดยสามารถมาชมกันได้ที่ ดอยอ่างขาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งแหล่งชมซากุระอันสวยงาม
สีสันความงามของช่อดอกซากุระ

       จุดเด่นของที่นี่ นอกจากจะมีซากุระไทยอย่างนางพญาเสือโคร่งให้ชมแล้ว ยังมีต้นซากุระแท้ๆจากญี่ปุ่นปลูกไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชม อยู่ภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งซากุระต้นนี้เติบโตได้ดีที่อ่างขางและออกดอกสวยงามมาก อีกทั้งเส้นทางที่จะขึ้นไปยังดอยอ่างขางนั้นก็มีต้นนางพญาเสือโคร่งปลูกไว้ตลอดสองข้างทางด้วยเช่นเดียวกัน ไปชมซากุระแล้วก็ยังสามารถเข้าไปเที่ยวชมสถานีเกษตรหลวงอ่างขางที่เป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ดอกสวยงามนานาชนิด มีทั้งแปลงปลูกไม้ดอกไม้ประดับกลางแจ้ง แปลงปลูกไม้ในร่ม แปลงทดลองกุหลาบ แปลงปลูกผัก แปลงปลูกผักในร่ม สวนท้อ สวนบ๊วย ป่าซากุระ ป่าเมเปิลรวมไปถึงผักและผลไม้เมืองหนาว ที่ปลูกไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน
   
       
ขุนช่างเคี่ยนซากุระบานในหมู่บ้าน
   
       
ที่ ขุนช่างเคี่ยน ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่นั้น ก็มีดอกซากุระเมืองไทยให้ได้ชมกันใกล้ๆ ตัวเมืองเชียงใหม่เลยทีเดียว โดยหากขับรถขึ้นไปยังดอยสุเทพ ผ่านพระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศร์ ผ่านหมู่บ้านม้งดอยปุยไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านขุนช่างเคี่ยน ซึ่งเป็นแหล่งชมซากุระเมืองไทยที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ
   
       
ต้นนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยที่ขุนเคี่ยนนั้นมีลักษณะเป็นดงอยู่รวมกัน สีของซากุระนั้นบานเป็นสีชมพูสดใส แถมบางช่วงซากุระยังบานแทรกตัวอยู่ในหมู่บ้าน ตามบ้านเรือน ดูแล้วมีชีวิตชีวาน่ายลยิ่งนักซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมากางเต็นท์ได้ทั้งที่หน่วยดอยปุยและบริเวณสถานีเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยนก็ได้เช่นกัน
   
       
ขุนแม่ยะพรมชมพูแห่งดอยสีชมพู
   
       
มาปิดท้ายกับแหล่งชมซากุระเมืองไทยกันที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ ที่ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่นี่ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวสามารถชมดอกซากุระเมืองไทยกันได้ โดยที่นี่มีการปลูกกันต้นนางพญาเสือโคร่งไว้อย่างหนาแน่นทั่วพื้นที่ เมื่อทุกต้นออกดอกพร้อมๆกันจึงคล้ายมีพรมสีชมพูปกคลุมทั่วดอย
ซากุระบานรับนักท่องเที่ยวที่ขุนแม่ยะ
       คนที่นี่จึงนิยมเรียกกันว่า ดอยสีชมพู และมีบริเวณหลายจุดที่เราสามารถเดินเที่ยวชมดงซากุระกันอย่างจุใจ พร้อมกับบรรยากาศอันเงียบสงบ และยังมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์พักค้างแรมใต้ต้นซากุระอันสวยงามอ่อนหวาน ทำให้เป็นบรรยากาศที่ดีสำหรับการพักค้างแรมในพื้นที่แห่งนี้ และนักท่องเที่ยวยังสามารถไปเที่ยวต่อกันที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกันได้อีกด้วย
   
       
นอกจาก 5 แหล่งชมซากุระเมืองไทยจุดใหญ่ๆตามที่กล่าวมาแล้ว ยังมีจุดชมซากุระที่น่าสนใจอีกหลายพื้นที่ อาทิ ดอยหลวงเชียงดาว ดอยอินทนนท์ อุทยานฯห้วยน้ำดัง ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวางเป็นต้น ซึ่งช่วงเวลาการบานของซากุระเมืองไทยนั้นมีจำกัด (ม.ค.-ก.พ.) ใครที่สนใจก็หาเวลาเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า แล้วขึ้นเหนือไปหาหนาว ชมซากุระบาน พร้อมเก็บความประทับใจในความงามของโลกสีชมพูที่เคียงคู่มากับดอกซากุระบานกันได้ตามใจชอบ